บัญญัติ 10 ประการเรื่องเครื่องปรับอากาศ1.ก่อนอื่นต้องลดการใช้ลงจากเดิมที่ใช้อยู่ จะถือเป็นการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 2.การเลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่จะใช้ เลือกยี่ห้อเป็นที่รู้จัก ผ่านการรับรองการใช้พลังงานเบอร์ 5 3.ในการเตรียมตัวอาคารบ้านเรือน ก่อนจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศ การติดตั้งฉนวนเหนือเพดานหรือหลังคา เพื่อลดการส่งผ่านรังสีความร้อน การอุดรูรั่วต่างๆ เพื่อไม่ใช้อากาศภายนอกซึมสู่อาคารบ้านเรือน 4.รู้และเช้าใจวิธีการติดตั้ง ตำแหน่งที่ตั้งเครื่องปรับอากาศ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ผิดวิธีจะทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน 5.ไม่มีสิ่งกีดขวางทางลมเข้า-ออก ของแฟนคอยส์ยูนิต 6.ควรเปิดไฟฟ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่าที่จำเป็น 7.สถานที่วางคอนเดนซิ่งยูนิคต้องไม่มีอะไรกีดขวาง 8.ตัวอุณหภูมิที่เหมาะสมไม่ต่ำกว่า 25 องศา 9.ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศทำความเย็น พัดลมส่งความเย็น 10.ข้อสุดท้ายที่สุดคือ การปิดเครื่องปรับอากาศทุกครั้งที่เลิกใช้งาน การเลือกใช้เครื่องปรับอากาศ โดนทั่วไปแบ่งออกได้ดังนี้1.แบบติดหน้าต่าง (Window Type)เป็นประเภทที่รวมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้ในชุดเดียว และติดแขวนไว้ที่ช่องหน้าต่างหรือผนังห้อง โดยเป่าลมเย็นให้เข้าห้องพร้อมกับมีส่วนระบายความร้อนออกมาด้านนอก แบบนี้ตัวเครื่องจะมีขนาด 0.7-2.5 ตัน เครื่องปรับอากาศประเภทนี้เหมาะกับห้องที่ติดตั้งวงกบน้าต่างมีกระจกช่องแสงติดตามบานกระทุ้มหรือบานเกล็ด
2.แบบแยกส่วน (Split Type)
3.แบบเครื่องชนิดทำน้ำเย็น (Water Chiller) ระบบนี้ใช้น้ำเป็นตัวกลางในการทำความเย็น เหมาะกับใช้อาคารใหญ่ตัวเครื่องมีน้ำหนัก 100 ตันขึ้นไป
4.แบบเคลื่อนที่ได้ (Portable Type) เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สะดวกในการนำไปใช้งาน ตัวเครื่องมีขนาดกระทัดรัดเคลื่อนย้ายได้ง่ายเนื่องจากติดตั้งล้อไว้ที่ฐาน
ข้อพิจารณา ในการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ1.ขนาดที่เหมาะสมกับห้องที่ต้องการติดตั้ง สามารถดูได้จากตารางขนาดพื้นที่ห้องเทียบกับความสูงของห้องปกติ 3 เมตร2.คำนึงถึงการใช้งานหรือวัตถุประสงค์ของห้องต่างๆ เช่น *ห้องที่มีพื้นที่จำกัด เช่น ห้องชุดคอนโดมิเนียม ควรใช้แบบแขวนใต้เพดาน *ห้องนอนควรใช้แบบเงียบเป็นพิเศษ และให้ความแม่นยำในการให้ความเย็นควบคุมอุณหภูมิยาวนานตลอดคืน *อาคารขนาดใหญ่นิยมให้ประเภทปรับอากาศส่วนกลาง (Central Air) 3.พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ (ดูจากฉลากที่ติดมากับตัวเครื่อง) โดยดุจากค่า EER(Energy Efficiency Ratio) ค่าที่ได้ควรเท่ากับ 10 หรือมากกว่า 4.ราคาและบริกาณหลังการขาย ปัจจุบันเครื่องปรับอากาศมีมาตรฐานใกล้เคียงกันมาก ดังนั้นการพิจารณาอาจเปรียบเทียบจากจำนวนปีที่ใช้ งานกับราคาของเครื่องและใช้กระแสไฟฟ้าน้อยที่สุด แต่ให้ความเย็นมากที่สุดรวมถึงการรับประกันสินค้าและบริการหลังการขาย BTU. คือหน่วยที่ใช้วัดปริมาณความร้อนหน่วยหนึ่ง สามารถเทียบได้กับหน่วยแคลอรี่หรือหน่วยจูลในระบบสากลโดยที่ความร้อน1 BTU คือ ปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮน์ สำหรับเครื่องปรับอากาศนั้น จะวัดกำลังความเย็นหรือ ความสามารถในการดึงความร้อน(ถ่ายเทความร้อน) ออกจากห้องปรับอากาศในหน่วย BTU/Hour ซึ่งเทียบกับหน่วยวัตต์ในระบบสากล เช่น เครื่องปรับอากาศ 12,00 VTU/Hour หมายความว่าเครื่องนั้นสามารถดึงความร้อนออกจากห้องปรับอากาศ 12,000 BTU ภายใน 1 ชั่วโมง(แต่โดยทั่วไปมักใช้คำว่า "บีทียูต่อชั่วโมง" ซึ่งเป็นการใช้ผิดหลักวิชาการ แต่ว่าเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป EER. คืออัตราส่วนประสิทธิภาพของเครื่องปรับอากาศ คือค่าที่ใช้วัดประสิทธิภาพภายในการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศว่าดีหรือไม่ มี หน่วยเป้น EER=(BTU/H/W) โดยที่ BTU/H=ความเย็นที่วัดได้. W=กำลังไฟฟ้าที่จ่ายให้เครื่องปรับอากาศ เช่น (12,000 BTU/H) 1,200 W. จะได้ EER=10 หรือ = 1.2 กิโลวัตต์/ตัน ดูจากหน่วยของค่า EER แล้วก็เข้าใจว่าค่า EER นั้นก็คือ อัตราส่วนผสมความเย็นเครื่องปรับอากาศสามารถทำได้จริง(OUT PUT) กับกำลังไฟฟ้า ที่เครื่องปรับอากาศนั้น ต้องใช้ความเย็น (INPUT) เครื่องปรับอากาศที่มีค่า EER ยิ่งสูงแสดงว่าเครื่องปรับอากาศนั้น มีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดี นั้นก็คือ ให้คุณประหยัดพลังงานไฟฟ้า ได้มากนั่นเอง |